ประสบการณ์การฝึกดนตรีปรับพลังชีวิต

“ในขณะที่ร่างกายผ่อนคลายได้แล้ว ผมรู้สึกว่ามีแรงมากดและดันให้ศีรษะก้มลง และดันให้ศีรษะหงายขึ้นช้าๆ กลับไปกลับมา หลังจากนั้นก็มีแรงมาผลักศีรษะให้ตะแคงไปด้านซ้ายและขวา ซึ่งจะเป็นเหมือนการบริหารที่แพทย์เคยแนะนำเมื่อครั้งไปปรึกษาอาการปวดไหล่เมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ผมไม่ได้สนใจจะทำอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นก็มีแรงมาทำให้คอบิดหมุนไปทางซ้ายและสลับไปทางขวา ต่อมาก็รู้สึกว่ามีแรงมายกแขนให้ขยับแกว่งไปมา แกว่งแขนจนมือทั้งสองข้างเหวี่ยงมากระทบและตบสีข้างทั้งซ้ายขวา เหมือนการนวดเอวให้ตัวเองจนรู้สึกตัวสะเทือน พอสักพักก็หยุด แล้วจึงมีแรงมากดทำให้เราโน้มตัวจนต้องก้มไปข้างหน้า เหมือนท่าเริ่มต้นของโยคะ ?สุริยนมัสการ? แล้วจึงหยุดนิ่งในท่านี้นานมากกว่า 5 นาที ซึ่งปกติแล้ว ผมไม่เคยคิดและทำท่าเช่นนี้ต่อเนื่องยาวนานแบบนี้มาก่อน ในระหว่างที่เราฝึกดนตรีปรับชีวภาพราว 1 ชั่วโมง ผมรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ผมก็จงใจที่จะเรียนรู้จากมัน จึงปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวเป็นไปตามพลังธรรมชาติที่มากระทำกับร่างกายของผม หลังจากที่ผมได้สัมผัสดนตรีปรับพลังชีวิตปรับชีวภาพแล้ว ผมรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เหนื่อยล้า?ราวกับว่าธรรมชาติได้เยียวยาร่างกายส่วนที่มีปัญหา แม้ว่าเราจะรู้ตัวว่าได้รับการเยียวยาหรือไม่ก็ตาม”

อจ.ยงยุทธ โรจนวรเกียรติ ? ผุ้เข้าอบรมรุ่นที่1 (รุ่น 1/51)

“ปกติจะเป็นคนที่ขับรถทางไกลบ่อย และนั่งทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ประกอบกับเป็นคนถนัดขวา กิจกรรมทั้งสองนี้จึงทำให้ร่างกายซีกขวาและหัวไหล่ปวดเมื่อยอยู่เสมอ พอมาฝึกดนตรีปรับพลังฯ ก็พบว่าพลังชี่จะช่วยจัดท่าทางของร่างกายให้มีการยืดเหยียดบริหารแขนขา หัวไหล่ และเอวตามจุดที่เรามีปัญหา การเคลื่อนไหวจะมีทั้งท่าที่คล้ายท่าโยคะ ไทเก็ก และชี่กง ที่เคยเรียนและฝึกอยู่ แต่ท่าที่เกิดขณะฝึกดนตรีฯ พลังชี่จะจัดท่าให้ร่างกายได้ยึดเหยียดตรงจุดปัญหาและมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนท่าอย่างลื่นไหลต่อเนื่อง ได้ผลดีกว่าการวิธีอื่นๆ ที่เคยเรียนรู้มา”

“บางครั้ง ระหว่างการฝึกดนตรีฯ ก็มีการบีบนวด กดจุด เขี่ยเส้น เหมือนตอนไปนวดกดจุดจับเส้นตามร้านนวด แต่การนวดตัวเองขณะกำลังฝึกกับเสียงเพลง ท่าการนวดต่างๆ จะเปลี่ยนไปเองให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะนวด เช่น บางที่ก็จะใช้นิ้วหัวแม่มือกดนวด บางที่อย่างบริเวณหัวเข่าและตาตุ่มก็มีการเปลี่ยนเอาข้อนิ้วชี้มาเขี่ยเส้น หรือบริเวณต้นขา ก็มีการใช้ส้นเท้าอีกข้างมากด(เหยียบ) หรือใช้ตาตุ่มของเท้าอีกข้างมากดเขี่ยเส้น บริเวณต้นคอก็จะประสานมือเอานิ้วโป้งทั้งสองข้างบีบนวด ฯลฯ เป็นต้น หลายครั้งที่ตัวเองต้องประหลาดใจกับการจัดท่านวดที่เกิดขึ้น เพราะถ้าให้นวดเองก็คงคิดไม่ถึงที่จะใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายของเราเองมานวดตัวเองอย่างที่เกิดขณะฝึกกับดนตรี และที่สำคัญคือมันเห็นผล เพราะขณะที่นวดไปก็จะมีการเรอ การหาว (ไล่ลมออกมา) เป็นระยะๆ ทันที”

ผู้เข้าอบรม รุ่นที่2 (รุ่น 2/51)

“การผ่านการอบรมในครั้งนี้ ชอบมากๆค่ะ ได้รู้ว่ามีอะไรอีกเยอะที่เรายังไม่เรียนรู้ ศาสตร์ที่ได้เล่าเรียนครั้งนี้สร้างปาฎิหารย์ให้กับตัวเองมากๆเลยค่ะ ในวันแรกของการฝึก ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะทำได้เพราะรู้สึกขัดๆ กับการที่พลังยังไม่ได้ผลักดันให้เห็นผลเท่าไร …วันที่สอง มีความรู้สึกสบายตัว สบายใจ รู้ตัวว่ามีการพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ… ท่าที่ออกมาเท่าที่สังเกตดูจะไม่ซ้ำกันเลย แต่เริ่มรู้สึกเหนื่อยและเมื่อย ขัดยอก กลับมาทำที่บ้านในวันที่สาม หลังตื่นนอนตอนเช้า ก็ทำได้ดีอยู่ แต่รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเคล็ดขัดยอกไปหมด หลังไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน พอทิ้งตัวลงนอน ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนมีอะไรผิดปกติ สักพัก แขนก็ยกขึ้น บรรเลงท่าที่ฝึกตามอิน-หยาง ซ้าย-ขวา ป่ายไปเรื่อย แต่ที่ประหลาดใจ คือก่อนจะบรรเลงจบโดยไม่ต้องเปิดเพลงแผ่นใด สองมือไต่ตามใบหน้ากดตามหัวคิ้ว… ตามที่เคยถามอาจารย์ว่า ท่าปฏิบัติของน้องคนหนึ่ง เหมือนกดไปตามเนื้อตัว และอาจารย์บอกว่าลมในตัวเยอะ ทำให้การออกท่าทางเป็นไปตามการรักษา ซึ่งเดี๋ยวเราก็จะเจอแบบนั้น… วันนี้วันที่สี่แล้ว ความเคล็ดขัดยอกหายไปหมด เวลาเดินขึ้นๆลงๆบันได ก่อนฝึกจะรู้สึกว่าไม่สะดวก…แต่ตอนนี้ สบายจริงๆ เบาตัวเลย…”

คุณอัญชลี หาญหิรัญ – ผู้เข้าอบรม รุ่นที่8 (รุ่น 5/52)

กลับสู่หน้าหลัก : อบรมดนตรีปรับพลังชีวิต